โชเซ มูรีนโย
โชเซ มูรีนโย

โชเซ มูรีนโย

ฌูแซ มารียู ดุช ซังตุช โมรีญู แฟลิช (โปรตุเกส: José Mário dos Santos Mourinho Félix; เกิด 26 มกราคม ค.ศ. 1963) หรือ โชเซ มูรีนโย ตามการออกเสียงในภาษาอังกฤษ[remark 1] เป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลและอดีตนักฟุตบอลชาวโปรตุเกส ปัจจุบันเป็นผู้จัดการทีมทอตนัมฮอตสเปอร์ในพรีเมียร์ลีกมูรีนโยได้รับการยกย่องจากผู้เล่น ผู้ฝึก และผู้ประกาศข่าวกีฬาหลายคนว่าเป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก[1][2][3] และยังได้รับเกียรติจากสหพันธ์ฟุตบอลโปรตุเกสในปี ค.ศ. 2015 ว่าเป็นผู้ฝึกสอนชาวโปรตุเกสที่ดีที่สุดแห่งศตวรรษนี้[4] มูรีนโยเริ่มต้นอาชีพสายฟุตบอลด้วยการเป็นผู้เล่นในดิวิชัน 2 ของโปรตุเกส เขาเรียนจบวิทยาศาสตร์การกีฬาจากมหาวิทยาลัยเทคนิคลิสบอนและเข้ารับการอบรมหลักสูตรการเป็นผู้ฝึกในสหราชอาณาจักร ในขณะที่อยู่ในลิสบอนเขาทำงานเป็นครูพลศึกษาและหาประสบการณ์ทำงานในด้านอื่น ๆ โดยการเป็นผู้ฝึกทีมเยาวชน แมวมอง และผู้ช่วยผู้จัดการ ในช่วงต้นปี ค.ศ. 1990 เขาได้รับมอบหมายให้เป็นล่ามของเซอร์บ็อบบี ร็อบสัน ในช่วงที่ร็อบสันทำหน้าที่เป็นผู้จัดการทีมสปอร์ติงลิสบอน และสโมสรฟุตบอลโปร์ตูในโปรตุเกส และสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาในสเปน หลังจากร็อบสันจากบาร์เซโลนาไป มูรีนโยตัดสินใจอยู่ที่สโมสรเดิมโดยทำงานร่วมกับลูวี ฟัน คาล ซึ่งมาทำหน้าที่แทนร็อบสันมูรีนโยเริ่มงานสั้น ๆ โดยเป็นผู้จัดการให้กับไบฟีกาและอูนีเยาดึไลรีอาซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยสามารถพาไลรีอาไปอยู่อันดับที่ 5 ของลีกซึ่งเป็นอันดับสูงสุดที่ทีมเคยทำได้ มูรีนโยกลับไปอยู่กับโปร์ตูช่วงต้นปี ค.ศ. 2002 ในตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกและนำทีมชนะปรีไมราลีกา โปรตุเกสลีกคัพ และยูฟ่ายูโรปาลีกในปี ค.ศ. 2003 ในฤดูกาลถัดมาเขาสามารถนำทีมชนะโปรตุเกสซูเปอร์คัพ พาโปร์ตูถึงยอดของลีกเป็นครั้งที่สอง และได้รับรางวัลเกียรติยศสูงสุดของฟุตบอลสโมสรยุโรปซึ่งก็คือการครองตำแหน่งแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก หลังจากย้ายไปเชลซีในปีถัดมาเขายังส่งให้เชลซีเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งที่สองในรอบ 50 ปีด้วยคะแนนสูงถึง 95 คะแนน ร่วมกับการครองแชมป์ลีกคัพในฤดูกาลเดียวกัน ในปีที่สองมูรีนโยยังคงพาเชลซีไปถึงจุดสูงสุดของพรีเมียร์ลีก และสามารถพาสโมสรไปชนะเอฟเอคัพและลีกคัพในช่วงฤดูกาล 2006-07 มูรีนโยออกจากเชลซีในเดึนกันยายน ค.ศ. 2007 ท่ามกลางข่าวปัญหาความแตกแยกระหว่างตัวเองกับโรมัน อับราโมวิช เจ้าของสโมสร[5]หลังจากย้ายไปอินเตอร์มิลานซึ่งเป็นสโมสรในลีกเซเรียอาในปี ค.ศ. 2008 ภายในสามเดึนมูรีนโยก็ได้สร้างเกียรติให้กับสโมสรอิตาลีแห่งนี้โดยพาทีมชนะการแข่งขันอิตาเลียนซูเปอร์คัพ และจบฤดูกาลด้วยการครองแชมป์ลีกเซเรียอา ในฤดูกาล 2009-10 อินเตอร์มิลานกลายเป็นสโมสรแรกของอิตาลีที่สามารถทำเทรบเบิล โดยชนะเซเรียอา อิตาลีคัพ และยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ซึ่งอินเตอร์มิลานไม่สามารถชนะการแข่งขันหลังสุดนี้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1965 เขาเป็นหนึ่งในผู้ฝึกห้าคนที่สามารถทำให้สโมสรฟุตบอลสองทีมสามารถครองถ้วยยุโรป[6] โดยอีกสี่คนที่เหลือคือ แอนสท์ ฮัพเพิล, อ็อทท์มาร์ ฮิทซ์เฟ็ลท์, ยุพพ์ ไฮน์เคส และการ์โล อันเชลอตตี และได้รับรางวัลผู้ฝึกยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่าในปี ค.ศ. 2010[7] จากนั้นเขาเซ็นสัญญากับเรอัลมาดริดในปี ค.ศ. 2010 และนำทีมชนะโกปาเดลเรย์ในฤดูกาลแรก ในปีต่อมาเขายังพาทีมครองแชมป์ลาลิกา ซึ่งทำให้เขากลายเป็นผู้ฝึกคนที่ห้าถัดจากทอมิสลัฟ อีวิช, แอนสท์ ฮัพเพิล, โจวันนี ตราปัตโตนี และเอริก เคเริตส์ ที่ได้สามารถเอาชนะลีกฟุตบอลได้อย่างน้อยในสี่ประเทศคือ โปรตุเกส อังกฤษ อิตาลี และสเปน[8][9] หลังจากออกจากเรอัลมาดริดในเดึนมิถุนายน ค.ศ. 2013 มูรีนโยกลับไปอังกฤษเพื่อจัดการเชลซีเป็นครั้งที่สองซึ่งในระหว่างนั้นก็สามารถพาทีมชนะลีกคัพได้อีกครั้ง แต่การทำงานกับเชลซีก็มาถึงจุดสิ้นสุดในวันที่ 17 ธันวาคม ค.ศ. 2015 หลังจากมีผลงานย่ำแย่ทำให้เชลซีเกือบตกชั้น[10]ความรู้ทางยุทธวิธี บุคลิกที่มีลักษณะเฉพาะ (ซึ่งเต็มไปด้วยข้อพิพาท) และลักษณะการจัดการทีมซึ่งฝ่ายตรงข้ามมองว่าให้ความสำคัญกับผลงานมากกว่าการเล่นฟุตบอลที่สวยงาม ทำให้มูรีนโยถูกมองจากทั้งผู้ชื่นชอบและนักวิจารณ์ว่าเป็นทายาทของเอเลนิโอ เอร์เรรา ผู้จัดการชาวอาร์เจนตินา[11][12]

โชเซ มูรีนโย

2000 ไบฟีกา
1980–1982 รีอูอาวึ
สโมสรปัจจุบัน ทอตนัมฮอตสเปอร์ (หัวหน้าผู้ฝึกสอน)
2001–2002 อูนีเยาดึไลรีอา
1983–1985 เฌเด ซึซิงบรา
2004–2007 เชลซี
1985–1987 กูแมร์ซียูอีอิงดุชตรียา
2008–2010 อินเตอร์มิลาน
1982–1983 บึลึเน็งซึช
รวม
สถานที่เกิด ซึตูบัล ประเทศโปรตุเกส
ส่วนสูง 1.75 เมตร (5 ฟุต 9 นิ้ว)
วันเกิด 26 มกราคม ค.ศ. 1963 (57 ปี)
2002–2004 โปร์ตู
ตำแหน่ง กองกลาง
2013–2015 เชลซี
2010–2013 เรอัลมาดริด
2016–2018 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
2019– ทอตนัมฮอตสเปอร์
ปี ทีม
ชื่อเต็ม ฌูแซ มารียู ดุช ซังตุช โมรีญู แฟลิช

แหล่งที่มา

WikiPedia: โชเซ มูรีนโย http://www.fcbarcelona.cat/web/catala/club/histori... http://www.chelseafc.com/page/NewsHomePage/0,,1026... http://espnfc.com/news/story/_/id/982842/pep-guard... http://www.euronews.com/2015/01/15/giants-of-portu... http://findarticles.com/p/articles/mi_qn4161/is_/a... http://www.football365.com/gazzetta/0,17033,9404_5... http://espn.go.com/sportsnation/post/_/id/9539744/... http://www.goal.com/en-gb/news/3277/la-liga/2011/0... http://www.iht.com/articles/ap/2008/08/24/sports/E... http://www.newstatesman.com/200512190026